วิดีโอสั้น คือมิติใหม่ของการตลาดในยุคนี้?
กระแสของคลิปวิดีโอสั้นเริ่มมาแรงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ และเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่โควิดระบาดหนัก โดยผู้นำเทรนด์กระแสดังกล่าวนั้นจะเป็นแอปฯ ใดไปไม่ได้ นอกจาก ‘Tiktok’
Tiktok ได้พัฒนาตัวเองให้เป็นมากกว่าแอปพลิเคชั่นวิดีโอสั้นเพื่อความบันเทิง โดยเริ่มมีการเพิ่มฟีเจอร์ Tiktok Shop เข้ามาเพื่อรองรับความต้องการซื้อขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ (E-Commerce) และปฏิเสธไม่ได้ว่าได้การสร้างคลิปวิดีโอสั้นที่มาพร้อมท่าเต้นที่เต้นตามได้ง่าย ช่วยสร้างกระแสไวรัลให้กับเพลงอีกมากมายจนกลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ต
จุดเด่นของวิดีโอสั้น คือ เนื้อหารูปแบบนี้สามารถดึงยอด Engagement ได้ดีกว่ารูปแบบอื่น เนื่องจากดึงความสนใจไว้ได้นานกว่ารูปภาพ และไม่ต้องใช้เวลาดูนานเท่าวิดีโอยาว ที่สำคัญ ยิ่งวิดีโอสั้น ก็ยิ่งได้ยอดวิวจากการวนดูซ้ำที่สูงขึ้น (Repeat Rate) ดังนั้น การแวะเข้าไปดูคลิปสั้นๆ เพียงคลิปละ 1 นาที ก็อาจจะทำให้เราเลื่อนดูคลิปอื่นๆ ต่อไปได้เรื่อยๆ จนนานเป็นชั่วโมง ส่งผลให้ Tiktok มียอดผู้ใช้งานแอปพลิเคชั่นนานกว่า 197.8 ล้านชั่วโมงต่อวัน
การเติบโตแบบก้าวกระโดดของ Tiktok ทำให้มีแอปฯ คู่แข่งหลายเจ้าพยายามที่จะดึงทั้งยอดผู้สร้างผลงาน (Creator) และยอดผู้ใช้งาน…
ใครเคยทำเพจน่าจะเข้าใจ ว่าการดูแลเพจให้มีความเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอนั้นกินเวลามหาศาล คิดจะพักสักหนึ่งสัปดาห์ เพจก็ร้างแล้ว จริงไหมคะ?
ไหนจะไม่มีเวลาดูแลเพจ, ไม่เชี่ยวชาญการตลาดออนไลน์, ยิง Ads ไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย, ตอบแชทไม่ทัน และอีกสารพัดปัญหาที่จะเข้ามารุมเร้า เมื่อเราเริ่มทำการตลาดออนไลน์โดยไม่ชำนาญ
นี่จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เจ้าของธุรกิจตกลงจ้าง ‘เอเจนซี่’ เพราะนอกจากจะมีเวลาโฟกัสกับธุรกิจมากขึ้น การจ้างเอเจนซี่ยังให้ผลลัพท์ที่ดีกว่า เช่นเชี่ยวชาญการตลาดออนไลน์
ประหยัดเวลา
ครบวงจร ไม่ต้องจ้างพนักงานก็เหมือนได้มาทั้งทีม
มีประสบการณ์ เป็นที่ปรึกษาให้กับแบรนด์ได้ที่สำคัญ การดูแลเพจด้วยตัวเองในบางครั้งยังเสียค่าใช้จ่ายมากกว่า
ทั้งเรื่อง ‘เงิน’ และ ‘เวลา’ ⌛เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์
เรื่องนี้กับเอเจนซี่ก็ไม่ต่างอะไรจากประโยค “Put the right man on the right job”
ไม่ใช่ทุกคนที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจแล้วจะทำการตลาดออนไลน์ได้ดี ยกตัวอย่างเช่นหลายกรณี แม้เจ้าของธุรกิจบางท่านจะจับงานมามาก แต่ก็ล้วนเป็น “งาน Offline” และเมื่อต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกดิจิทัล…
แม้ว่าการกำหนดเป้าหมายอย่างละเอียดในโฆษณาของ Meta จะเป็นจุดแข็งของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในเครืออย่าง Facebook Instagram และ WatsApp ซึ่งเอื้อประโยชน์ให้แบรนด์และนักการตลาดมาหลายปี แต่ก็ทำให้ Facebook หรือ Meta ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับความเหมาะสม เนื่องจากมีหลายธุรกิจใช้ประโยชน์จากการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงนี้ ส่งโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายที่มีความละเอียดอ่อน เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ที่เข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ เป็นต้นวันที่ 9 ธันวาคม 2021 Meta จึงได้ออกมาประกาศว่าจะยกเลิกการกำหนดเป้าหมายที่มีความละเอียดอ่อนสูง ทั้งสิ้น 4 กลุ่ม ได้แก่
1. ความสนใจด้านสุขภาพ เช่น ความสนใจเกี่ยวกับโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน การรักษาด้วยคีโมบำบัด เป็นต้น
2. รสนิยมทางเพศ เช่น การสมรสเพศเดียวกัน (same-sex marriage), กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBT) เป็นต้น
3. การรวมตัวและประกอบพิธีทางศาสนา เช่น โบสถ์คาทอลิก วันหยุดของชาวยิว เป็นต้น
4. ความคิดเห็นทางการเมือง, ประเด็นโต้แย้งทางสังคม,…
ข่าวดีสำหรับสาวก Instagram ที่ชอบส่อง Story ล่าสุดอินสตาแกรมเพิ่มฟีเจอร์ให้ผู้ใช้สามารถเลือกแปลภาษาในสตอรี่ได้แล้ว จากแต่เดิมที่มีฟีเจอร์แปลภาษาสำหรับแคปชั่น คอมเม้นท์ และข้อมูลไบโอเท่านั้นเพียงคลิก “See Translation” หรือ “ดูคำแปล” ที่ด้านล่างชื่อเจ้าของสตอรี่ ระบบก็จะแปลข้อความมาเป็นภาษาที่เราใช้
ทั้งนี้ฟีเจอร์แปลภาษาในสตอรี่ แปลได้แค่ตัวอักษรที่ผู้ใช้เพิ่มเติมเข้าไปก่อนอัพสตอรี่เท่านั้น ไม่สามารถแปลตัวอักษรที่อยู่ในภาพได้
ขอบคุณแหล่งข้อมูล - www.engadget.com, Now Instagram can translate Stories text into over 90 languages
โพสต์นี้เราจะเพื่อนๆ มารู้จักกับวิธีกรองลูกค้า ด้วยกลยุทธ์ “Marketing Funnels” กลยุทธ์ที่จะช่วยวางแผนการตลาดให้มีประสิทธิภาพ สามารถปิดดีลการขายได้แบบสวยๆ กันค่ะ
วันนี้ขออธิบายแบบเน้นๆ ว่าเทคนิค Retargeting สุดหลอกหลอนตัวนี้คืออะไร ทำไมช่วยให้ยอดขายพุ่งมากกว่าที่คุณคิด!?
หลายๆ คนเข้าใจว่า Boost Post กับ Facebook Ads เป็นการลงโฆษณาบน Facebook เหมือนกัน แต่รู้มั้ยคะว่าการโฆษณา 2 แบบนี้มีความแตกต่างกันอยู่นะ ถ้าอยากรู้ว่าต่างกันยังไงบ้าง คลิ๊กเลย!
มีแฟนดียังไม่โชคดีเท่า.. มีผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ เป็นผู้ช่วยดูแลงาน Social Media แบบครบวงจร!