“มีสินค้าดีๆ อยู่ในมือ แต่กลับขายไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้”
หรือคอนเทนต์ของเราไม่ดึงดูดลูกค้า?
คอนเทนต์ที่ดีจะดึงดูดลูกค้าในตัวเองและช่วยให้ประหยัดงบประมาณโฆษณา ทักษะการเขียนจึงนับว่าสำคัญมากสำหรับการขายสินค้า เพราะคอนเทนต์ทุกประเภทต้องเริ่มต้นด้วยการเขียนก่อนทั้งนั้น แม้แต่คอนเทนต์วิดีโอ ก็ยังต้องมีการเขียนโครงเรื่องและพล็อตหลักๆไว้
ซันนี่เลยมาแจกสูตรการเขียน “Copywriting” วิธีการเขียนเพื่อการขายโดยเฉพาะ ขั้นตอนอาจจะเยอะสักหน่อย แต่ฝึกบ่อยๆ ยอดขายเพิ่มขึ้นแน่นอน!
Copywriting คืออะไร?
การเขียนบทความที่มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้อ่านเกิดแรงจูงใจที่จะลงมือทำอะไรบางอย่าง เช่น ซื้อสินค้า สมัครสมาชิก หรือลงทะเบียน เป็นต้น โดยจุดประสงค์การขายนั้นอาจจะเห็นได้ชัดเจน หรือแฝงอยู่ในใจความสำคัญของบทความก็ได้
ต่างจาก Content Writing ที่เป็นบทความประเภทให้ข้อมูลหรือให้ความรู้ อาจมีจุดประสงค์ทางการตลาดเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจ สร้างการรับรู้แบรนด์ แต่ไม่มีจุดประสงค์เพื่อการขายที่ชัดเจน
ขั้นตอนการเขียน Copywriting แบบ Step by Step
1. เข้าใจสินค้า
ก่อนอื่นต้องมีความรู้ความเข้าใจรายละเอียดของสินค้า รู้ว่าอะไรเป็นจุดเด่นของสินค้าที่เหนือกว่าคู่แข่ง จุดเด่นนั้นเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการหรือไม่ และสื่อสารจุดเด่นนี้ออกไปให้ชัดเจน
2. รู้จักกลุ่มเป้าหมาย
วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการให้อ่านบทความ ซึ่งก็คือลูกค้าที่เราต้องการให้ซื้อสินค้าของเรานั่นเอง
กลุ่มลูกค้าของเรามีลักษณะอย่างไร…
Facebook ได้มีการอัปเดตข้อกำหนดสำหรับการขอเครื่องหมายยืนยันตัวตนบัญชีทางการ (Varification) หรือ “เครื่องหมายถูกสีฟ้า” ที่ปรากฏหลังชื่อบัญชีทางการของครีเอเตอร์ ดารา คนดัง หรือแบรนด์ Official ต่างๆใน Facebook และ Instagram
สำหรับธุรกิจและครีเอเตอร์ที่ต้องการได้รับเครื่องหมายรับรองนี้ จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของเฟสบุ๊ค ดังนี้
คุณสมบัติของบัญชีที่ขอรับการยืนยันตัวตน
1. เป็นบัญชีที่แท้จริง ของบุคคล หน่วยงาน หรือธุรกิจจดทะเบียนที่มีตัวตนจริง
2. เป็นบัญชีสาธารณะ มีรูปภาพโปรไฟล์ รูปภาพพื้นหลัง และมีโพสต์อย่างน้อยหนึ่งโพสต์
3. บุคคล หน่วยงาน หรือธุรกิจ จะมีบัญชีทางการได้เพียงบัญชีเดียวเท่านั้น ยกเว้นแต่ว่าจะแยกบัญชีทางการออกเป็นหลายภาษา
4. ต้องได้รับความนิยมในแพลตฟอร์มหรือได้รับการค้นหาบ่อย และความนิยมนั้นไม่ได้เกิดจากการซื้อโฆษณา โดยทางทีมงานจะมีวิธีการตรวจสอบต่อไป
การขอรับรองบัญชีทางการใน Facebook มีขั้นตอนเพิ่มเติมดังนี้
- บัญชีตัวแทนบุคคล จะต้องมีสำเนาเอกสารระบุตัวตนที่มีรูปภาพ และออกโดยหน่วยงานรัฐ เช่น บัตรประชาชน ใบขับขี่ เป็นต้น
- บัญชีตัวแทนหน่วยงานหรือธุรกิจ จะต้องมีสำเนาเอกสารที่ระบุการมีตัวตนของหน่วยงาน เช่น หนังสือรับรองบริษัท ใบเสร็จการจ่ายภาษี…
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในประเทศไทยอย่าง Facebook ได้ออกมาประกาศว่า ผู้ใช้งานที่ซื้อโฆษณาเฟสบุ๊ค จะต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ซึ่งเป็นผลมาจากกฎหมาย “การจัดเก็บภาษี e-Service” โดยเฟสบุ๊คเปิดให้ผู้ใช้บริการโฆษณาเข้าไปกรอกเลขประจำตัวผู้เสียภาษี และเริ่มจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป หลังจากกรมสรรพากรประกาศใช้กฎหมาย “การจัดเก็บภาษี e-Service” จากผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่างชาติที่มีรายได้ในประเทศไทย และเปิดให้ลงทะเบียน VES (Vat for Electronic Service) ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นมา เหล่าโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ก็พากันขึ้นทะเบียนกับกรมสรรพากรเป็นจำนวนมาก โดยนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากรเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ว่า ภาษี e-Service จะทำรายได้ให้ไทยสูงถึงประมาณปีละ 5 พันล้านบาท ซึ่งนี่เป็นตัวเลขประมาณการณ์ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด
กรมสรรพากรให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ภาษี e-Service จะช่วยให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันมากขึ้น ระหว่างแพลตฟอร์มไทยกับแพลตฟอร์มต่างชาติ ทำให้แพลตฟอร์มต่างชาติต้องเสียภาษีเท่าเทียมกับแพลตฟอร์มที่ดำเนินกิจการในไทย
ในประเด็นที่หลายคนอาจจะสงสัย ว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้จะผลักภาระภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ใช้บริการหรือไม่? ทางกรมสรรพากรให้ข้อมูลว่า จากกรณีศึกษาในต่างประเทศพบว่า หากเป็นแพลตฟอร์มที่มีการแข่งขันสูง…
ธุรกิจในปัจจุบันต้องพบกับการแข่งขันสูง สินค้าและบริการต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ผู้บริโภคมีความต้องการที่หลากหลาย เราจึงไม่สามารถเหมารวมพฤติกรรมของลูกค้าได้ทั้งหมด แล้วทำโฆษณาแค่ตัวเดียวสำหรับการเผยแพร่หว่านแหแบบ one-size-fits-all ได้อีกต่อไป แต่ต้องแยกหมวดหมู่ลูกค้าให้ชัดเจน และเลือกสื่อสารอย่างเฉพาะเจาะจง
ข้อดีของการตลาดบนโลกดิจิทัลคือ สามารถเข้าถึงลูกค้าที่อยู่ห่างไกลได้หลากหลายกลุ่ม ซึ่งเราสามารถนำหลัก Audience Targeting มาช่วยในการจำแนกแบ่งลูกค้าออกเป็นกลุ่มๆ ตามปัจจัยต่างๆ อาทิ ข้อมูลประชากร ความสนใจ และพฤติกรรมการซื้อสินค้า ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นแนวทางการผลิตคอนเทนต์ โฆษณา และการออกแบบวิธีการสื่อสารกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม
ซันนี่รวบรวมบทความจาก “www.audiense.com” ที่นำเสนอวิธีแบ่ง Audience targeting ถึง 5 แบบด้วยกัน มาดูกันดีกว่าว่า ธุรกิจของเราจะแบ่งลูกค้าได้กี่กลุ่ม และนำมาออกแบบวิธียิงโฆษณาแบบไหนได้บ้าง
Demographics Targeting
แบ่งตามข้อมูลประชากร วิธีนี้ถือเป็นพื้นฐานที่ง่ายที่สุด ใช้ข้อมูลที่เก็บได้ไม่ยาก เช่น เพศ อายุ อาชีพ ที่อยู่อาศัย รายได้ อาจมีรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น สถานภาพทางสังคม วุฒิการศึกษา สถาบันการศึกษา…
ปัญหาหนักอกที่ยิงโฆษณาเองแล้ววันนึงบัญชีโฆษณาโดนปิดซะงั้น?! เอาคืนก็ไม่ได้ เสียทั้งเวลาและธุรกิจที่ยอดขายตกฮวบเพราะยิงโฆษณาไม่ได้
โพสต์นี้เราจะเพื่อนๆ มารู้จักกับวิธีกรองลูกค้า ด้วยกลยุทธ์ “Marketing Funnels” กลยุทธ์ที่จะช่วยวางแผนการตลาดให้มีประสิทธิภาพ สามารถปิดดีลการขายได้แบบสวยๆ กันค่ะ
เพื่อให้เม็ดเงินที่ลงทุนทำโฆษณาบน Facebook มันคุ้มค่าต่อผลลัพธ์ในอนาคต(อันใกล้)
วันนี้ซันนี่จะมาแชร์ข้อดีของ FacebookAds แต่ละแบบว่ามันปังยังไง ทำไมใช้แล้วกลุ่มเป้าหมายถูกใจสิ่งนี้!?
เคยสงสัยกันมั้ยว่าคอนเทนต์หรือโฆษณาที่เราทำไปเนี่ย.. มีคนคลิกอ่าน มีคนสนใจมากน้อยแค่ไหนกันแน่นะ!?
งั้นวันนี้ซันนี่จะพาไปไขคำตอบกันกับตัวชี้วัดอัตราการคลิกยอดฮิตที่มีชื่อว่า “Click Through Rate (CTR)” กันค่ะ
“ลดโอกาสเกิดความสับสน ลดความซ้ำซ้อน
และช่วยให้ชาวเน็ตเชื่อมกับ Fanpage ได้ง่ายขึ้น” ทาง Facebook เลยประกาศเอาปุ่ม Like ออกจากหน้าเพจและเหลือเพียงแค่ปุ่ม Follow อย่างเดียวเท่านั้น!?
วันนี้ขออธิบายแบบเน้นๆ ว่าเทคนิค Retargeting สุดหลอกหลอนตัวนี้คืออะไร ทำไมช่วยให้ยอดขายพุ่งมากกว่าที่คุณคิด!?
เพราะยอดขายตกมันน่ากลัว อย่ามัวแต่นั่งเฉย มาอัปเดตเทรนด์กันรัวๆ เสริมความเฮงกับ 5 เทรนด์สุดปังบน Facebook ในปี 2021 กันค่ะ
หลายๆ คนเข้าใจว่า Boost Post กับ Facebook Ads เป็นการลงโฆษณาบน Facebook เหมือนกัน แต่รู้มั้ยคะว่าการโฆษณา 2 แบบนี้มีความแตกต่างกันอยู่นะ ถ้าอยากรู้ว่าต่างกันยังไงบ้าง คลิ๊กเลย!