[CASE STUDY] ใจฟูสตอรี่ x Sunnysideup Studio
หนัง(น่า)รักชวนให้หัวใจพองโตเรื่องนี้เป็นผลงานล่าสุดจากค่ายไทเมเจอร์ ที่ซันนี่ได้มีโอกาสเข้าไปช่วยดูแลเพจและช่วยทำโฆษณาบน Social Media
ก่อนฉาย “ภาพยนตร์” สักเรื่องต้องทำอะไรบ้าง?
จะทำโฆษณาใน Social Media ได้ ก็ต้องมี Fanpage เสียก่อน ที่นอกจากจะช่วยโปรโมทภาพยนตร์ แนะนำนักแสดงและตัวละครแล้ว ยังช่วยเพิ่มการรับรู้ และวางแผนการทำโฆษณาได้เป็นอย่างดี
เพจจึงจำเป็นต้องมีทั้งคอนเทนต์ที่น่าสนใจ กราฟิกที่ดึงดูดสายตา และความสม่ำเสมอในการอัปเดต
เราได้ช่วยวาง Mood & Tone สำหรับการทำ Art Work ของเพจ รวมถึงสไตล์การทำคอนเทนต์ โดยได้แยกเป็นประเภทย่อย เช่น ประโยคจากในหนัง, Meme หรือประเด็นที่เป็นกระแสอยู่ในขณะนั้น เพื่อจะได้กระจายการโพสต์คอนเทนต์ในหัวข้อต่างๆ ได้อย่างสม่ำเสมอ
จุดเด่นที่เราสามารถเล่นได้กับ “ใจฟูสตอรี่” เพื่อใช้ในการโปรโมทภาพยนตร์นั้นมีอยู่มากมาย เช่น
- ระยะห่างระหว่างทาง หรือแม้แต่ความห่างระหว่างความรัก ซึ่งเป็นประเด็นที่ล้อไปได้ดีกับวิกฤต Covid-19
- ความหลากหลายของตัวละคร
- เรื่องราวความรักทั้ง 5 ที่แตกต่างกันไปในหลายรูปแบบ
- เพลงประกอบภาพยนตร์
- โปรดักชั่น และเรื่องราวระหว่างการถ่ายทำ
- การเล่นกับกระแสในขณะนั้น
- การดึงดูดกลุ่มแฟนคลับของนักแสดงให้เข้ามามีส่วนร่วมกับแฟนเพจ
- การเน้นงานกราฟิกให้มีสีฉูดฉาด เพื่อให้ดูโดดเด่น สนุก และสดใส อิงไปกับโทนของ Poster หลักของภาพยนตร์
จาก Traditional Media สู่ Social Media
จะเกิดอะไรขึ้น หากเราเปลี่ยนวิธีการโปรโมทภาพยนตร์จากโลก Offline สู่โลก Online
ไทเมเจอร์คือค่ายภาพยนตร์ที่ปกติจะเน้นการทำโฆษณาแบบ Traditional Media หรือก็คือ การโปรโมทแบบออฟไลน์นั่นเอง
การโฆษณาแบบออฟไลน์คือความคลาสสิก ทำให้สิ่งที่เราต้องการนำเสนอถูกพบเห็นได้ง่ายโดยคนมากมาย แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าคนที่ผ่านมาเห็นนั้นจะใช่กลุ่มเป้าหมายจริงๆ
ความไม่แน่นอนนี้ ทำให้ Traditional Media ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้เราสูญเสียงบประมาณไปกับการโฆษณามากเกินควร อีกทั้งยังวัดผลได้ไม่ชัดเจน ดังนั้น ความตั้งใจของพวกเราในครั้งนี้ คือการทำโฆษณาบนโลกออนไลน์ผ่าน Social Media เพื่อผลักดันให้ “ใจฟูสตอรี่” ถูกโปรโมทไปยังกลุ่มเป้าหมายโดยตรง
ส่งผลให้มียอดรับชมตัวอย่างภาพยนตร์ในทุกแพลตฟอร์ม รวมกันมากกว่า 15 ล้านครั้ง ✨
การโฆษณาบนโลกออนไลน์ในยุคนี้ สำคัญไม่แพ้การซื้อเวลาเพื่อโฆษณาคั่นรายการในโทรทัศน์ เพราะสังคมปัจจุบันนั้นคนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตเกินครึ่งวันอยู่บนอินเทอร์เน็ต ฉะนั้น ยิ่งสินค้าหรือบริการของเราถูกพบเห็นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะทำให้คนรู้จักเราเยอะมากขึ้นเท่านั้น และหากโปรโมทได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย โอกาสปิดการขายก็ยิ่งสูง
แล้วการโปรโมทภาพยนตร์ล่ะ?
ใจฟูสตอรี่ คือภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยทัพนักแสดงมากมาย ที่นอกจากจะมาพร้อมกับความสามารถและคุณภาพแล้ว ยังมีกลุ่มแฟนคลับที่เหนียวแน่นสุดๆ แต่นอกจากกลุ่มแฟนคลับแล้ว การผลักดันภาพยนตร์เรื่องนี้ให้เป็นที่รู้จักในวงที่กว้างขึ้น โดยการหากลุ่มเป้าหมายอื่นก็สำคัญเช่นกัน
เราจึงได้วางกลยุทธ์การยิงโฆษณา ผ่าน Social Media ไม่ว่าจะใน Facebook, Instagram หรือ Youtube โดยใช้เทคนิคการ Retargeting ด้วยความพิถีพิถันและมีหลายขั้นตอน โดยมีการปรับเปลี่ยนแผนหน้างานทุกวัน เพื่อให้สอดคล้องกับการโปรโมทและโปรโมชั่นหน้าโรงภาพยนตร์ในขณะนั้น
เรามีความตั้งใจและความต้องการให้เกิด “ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการทำโฆษณาแบบดั้งเดิม” รวมถึงต้องการให้วัดผลได้จริง เพราะถึงแม้ว่าเราจะมีงบประมาณมากแค่ไหน💸แต่การใช้งบทุกบาททุกสตางค์ให้คุ้มค่ามากที่สุด โดยได้ผลลัพธ์ดีที่สุด ก็ย่อมดีกว่าการละลายเงินทิ้งใช่มั้ยล่ะคะ 😉
แคมเปญภาพยนตร์ที่ชวนฟูหัวใจเรื่องนี้..
💖 ใช้ Ads ไปกว่า 500 ตัว
💖 Audiences กว่า 50 กลุ่ม
ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกคิดมาอย่างตั้งใจ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด โดยการยิง Ads ของเรานั้น ส่งผลให้
💖 Organic Reach เพิ่มขึ้นกว่า 8 ล้านครั้ง
💖 Organic Engagement เพิ่มขึ้นกว่า 4 แสนครั้ง
ซึ่งเป็น “ผลลัพธ์” ที่เป็นรูปธรรม จับต้องได้ ทดแทนการทุ่มเงินไปกับการโฆษณาแบบออฟไลน์ได้มาก ลดการยิงสปอตผ่านโทรทัศน์ การติดโปสเตอร์ รวมถึงป้ายบิลบอร์ด ที่อาจจะทำให้เราเปลืองงบประมาณไปมากโดยใช่เหตุ และการโฆษณานั้นอาจไม่ตรงกลุ่มเป้าหมายจริงๆ
การวางแผนการตลาดที่เชี่ยวชาญ จะช่วยให้การยิงโฆษณายิ่งมีประสิทธิภาพ ที่แม้จะลดการทำ Traditional Media ลง แต่โฆษณาก็ยังถูกรับชมได้ในหลักสิบล้าน🎉