ทำไมใครๆ ก็อยากทำให้ Website ติดหน้าแรก? เพราะยิ่งเว็บติดอันดับบนๆ เท่าไหร่ ก็ยิ่งน่าเชื่อถือ และเพิ่มโอกาสการคลิกเข้าชมมากเท่านั้น
วิธีทำให้เว็บติดหน้าแรก เรียกง่ายๆ ว่า “การทำ SEO” ซึ่งประกอบด้วยหลายปัจจัยประกอบกัน เช่น ปริมาณคนเข้าเว็บ, ประสบการณ์ที่ดีของผู้เข้าชม และความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ และองค์ประกบอื่นๆ เช่น
- การทำให้เว็บอื่นลิงก์มายังเว็บของเรา อย่างการทำ Link Building หรือ Backlinks
- การเลือกคีย์เวิร์ด (Keywords) ที่เหมาะสม ซึ่งคำที่ถูกค้นหาเยอะก็ยิ่งทำเงินได้ ส่งผลให้มีคนมากมาย “ต้องการทำอันดับ” และเกิดการแข่งขันที่สูงตามไปด้วย
เทคนิคการแย่งชิงอันดับดีๆ จากคีย์เวิร์ดยอดฮิต
1. เลือกคีย์เวิร์ดที่ “เกี่ยวข้อง” แทนที่จะเป็น “คำหลัก”
เว็บไซต์ใหญ่ๆ อย่าง Marketplace เช่น Shopee และ Lazada มักจะมุ่งทำอันดับที่คำหลักมากกว่าคำประเภทอื่นๆ ฉะนั้น คีย์เวิร์ดที่คู่แข่งไม่เยอะเท่าคำเหล่านั้น คือคีย์เวิร์ดประเภท Niche Longtail Keyword (คำที่มีความหมายเฉพาะเจาะจง)
ยกตัวอย่าง : เราขายแก้วกาแฟ คำหลักคือ “แก้วกาแฟ” ส่วน Niche Longtail Keyword คือ “แก้วกาแฟทรงสูง”, “แก้วกาแฟเซรามิคเคลือบลาย” เป็นต้น
คีย์เวิร์ดประเภทนี้จะทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้ค้นหาสนใจ และจะแสดงให้คนเห็น แต่ต้องอย่าลืมว่าคนที่คลิกเข้ามาบางส่วน อาจจะแค่มาหาข้อมูล ไม่ได้มีความต้องการซื้อ ดังนั้น จึงควรใช้คีย์เวิร์ดที่มีลักษณะ High Commercial Intent (คำที่คนตั้งใจค้นหาเพื่อซื้อสินค้า) ไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้ผู้ที่คลิกเข้ามาชมเว็บไซต์กลายเป็นลูกค้านั่นเอง
2. วางคีย์เวิร์ดไว้เหมือนตาข่ายดักลูกค้า
เราอาจมีหน้าเว็บไซต์เพียงหนึ่งเว็บ แต่หากเราใช้คีย์เวิร์ดเพียงแค่คำเดียว แม้จะเป็นคำที่มีคนค้นหามาก ก็อาจดึงผู้เข้าชมเว็บไซต์เข้ามาได้แค่จำนวนหนึ่งเท่านั้น
แต่หากเราใช้คีย์เวิร์ดที่ต่างกัน (แต่ยังต้องเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของเราอยู่นะคะ!) ก็จะเพิ่มโอกาสให้มีคนเข้าชมเว็บไซต์ของเรามากขึ้น เป็นการเพิ่ม Page Views และขยายโอกาสในการขายอีกเท่าตัวเลยค่ะ
ยกตัวอย่าง : เราขาย “ยาดมสมุนไพร” คีย์เวิร์ดหลักอาจจะเป็น “ยาดมสมุนไพร” ส่วนคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวกับยาดม และสามารถดึงคนได้จากคำอื่นๆ เช่น วิงเวียน, แก้วิงเวียน, ยาดม, สมุนไพรหอมระเหย เป็นต้น
3. อยากให้คนเข้าบ้าน ก็ต้องทำบ้านให้น่าเข้า!
หากเปรียบเว็บไซต์เป็นบ้านของเรา เมื่อมีแขกเข้ามาเยี่ยมชม เราก็อยากให้แขกได้รับประสบการณ์ที่ดีกลับไปใช่ไหมล่ะคะ?
สิ่งที่วัดความพึงพอใจของผู้เข้าชมเว็บไซต์ในแง่ของการทำ SEO ก็คือ User Signal ส่วนสิ่งที่จะบ่งบอก User Signal ได้ ก็คือปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้
- Click Through Rate (CTR) หรือ อัตราการคลิกเข้าชมเว็บไซต์ : อาจมีคนเป็นหมื่นที่เห็นเว็บของเราเมื่อ Search ผ่าน Google แต่จะมีสักกี่คนที่คลิกเข้ามากันล่ะ? ค่า CTR จะวัดอัตราคลิกจากตรงนี้นั่นเองค่ะ
- Time On Site : เวลาที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ใช้ในการเข้าเว็บเพจ
- Bounce Rate : คือการเข้าเว็บไซต์แล้วกดออกทันที
สิ่งเหล่านี้บ่งบอกประสบการณ์ที่ดีของผู้ชมได้ เพราะมีหลายเว็บไซต์ที่คนคลิกเข้าไป แต่มีหลายปัจจัยที่ทำให้กดออก เช่น เว็บโหลดช้า, เว็บใช้งานยาก เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถมอบประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้โดยใช้แค่สามสิ่งข้างต้น ยังมีอีกหลายปัจจัยที่จะทำให้ผู่เข้าชมเว็บไซต์พอใจได้ เช่น Page Speed (ความเร็วเว็บไซต์), UX/UI (ความสวยงามและความง่ายในการใช้เว็บไซต์) เป็นต้น
4. สร้าง Quality Backlink
คือการที่มีคนกดเข้าเว็บไซต์ของเรา ผ่านเว็บอื่นที่มีคุณภาพ เช่น มีคนนำข้อมูลในเว็บไซต์ของเราไปอ้างอิง และใส่เครดิตเอาไว้ให้คนที่สนใจคลิกตามมา เป็นต้น
เว็บที่มีคุณภาพคืออะไร? คือเว็บที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น ติดอันดับสูงๆ ใน Google การถูกคลิกเข้ามาผ่านเว็บเหล่านี้จะช่วยดันอันดับของเว็บเราให้ดีขึ้นได้แบบพุ่งกระฉูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าลิงก์ของเราเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเว็บดังกล่าว
ดังนั้น การสร้างบทความหรือให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในเว็บไซต์ของเรา ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้มีคนนำข้อมูลไปอ้างอิง ละมีโอกาสเกิด Quality Backlink ได้มากขึ้นค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก