“วันสำคัญ” ตามเทศกาล นอกจากจะมีไว้เพื่อเฉลิมฉลองแล้ว ยังเป็นโอกาสที่แบรนด์ต่างๆ จะใช้จังหวะนี้ในการเพิ่มยอดขาย ด้วยแคมเปญและโปรโมชั่นมากมายที่ถูกคิดมาไว้ให้สอดคล้องกับกำลังซื้อที่เพิ่มมากขึ้น
แต่สำหรับบางแบรนด์ก็ใช้จังหวะนี้ในการสร้าง Awareness เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก และสร้างฐานลูกค้าเพิ่มในระยะยาว
มาดูกันว่า แต่ละแบรนด์วางแผนการตลาดในเทศกาลแห่งความรักได้น่าสนใจอย่างไรกันบ้าง
Godiva กับโฆษณาบนหน้าหนังสือพิมพ์
Godiva คือแบรนด์ช็อกโกแลตพรีเมียมที่มีสาขาอยู่หลายประเทศ รวมถึงในประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งประเทศญี่ปุ่นจะมีวัฒนธรรมวันวาเลนไทน์อยู่อย่างหนึ่ง คือการที่ผู้หญิงจะต้องเป็นฝ่ายมอบช็อกโกแลตให้ฝ่ายชาย อาจฟังดูไม่ใช่เรื่องแปลก หากนั่นเป็นการมอบช็อกโกแลตให้กับคนที่ชอบ หรือคนรัก
แต่ธรรมเนียมนี้ ผู้หญิงต้องให้ช็อกโกแลตกับผู้ชายแทบจะทุกคนที่พวกเธอพบเจอในชีวิตประจำวัน ซึ่งนับว่าเป็นเทศกาลรีดทรัพย์อย่างหนึ่ง ที่แม้แต่ “คนให้” ก็อาจจะไม่ได้อยากเสียเงินซื้อของให้กับ “ผู้รับ” ด้วยซ้ำ แต่จำต้องทำตามมารยาท บ้างก็ทำเพราะไม่อยากรู้สึกแปลกแยก หรือกลัวถูกมองไม่ดี
ถ้าอยู่ในวัยเรียน ก็ต้องให้เพื่อนผู้ชายหลายคนในห้องเรียนเดียวกัน
ถ้าอยู่ในวัยทำงาน ก็ต้องให้เพื่อนร่วมงาน ลูกน้องหรือหัวหน้าที่เป็นผู้ชาย
จนเกิดคำเรียกช็อกโกแลตนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะว่า “กิริช็อกโก” (義理チョコ) ซึ่งแปลความหมายตรงตัวว่า ช็อกโกแลตที่ให้ตามหน้าที่
Godiva จึงถือโอกาสนี้ในการทุ่มทุนซื้อพื้นที่โฆษณาทั้งหน้าในหนังสือพิมพ์ “นิฮงเคไซชินบุน” เพื่อส่งสารถึงสาวๆ ทั้งหลายว่า
“มีผู้หญิงมากมายที่ไม่ชอบวันวาเลนไทน์ หลายคนโล่งใจหากวันนั้นตรงกับวันหยุด ทำไมน่ะเหรอ? เพราะว่ามันยากน่ะสิ กับการที่ต้องคิดว่าควรจะซื้อช็อกโกแลตให้ใครบ้าง ต้องคิดจนปวดสมองแถมยังเปลืองเงิน อีกทั้งเป็นเรื่องยากที่จะหยุดลูปนรกนี้
โกดีวาขอพูดจากประสบการณ์ว่า การมอบช็อกโกแลตให้คนที่เรารักจริงๆ เป็นเรื่องที่ดี แต่มันไม่จำเป็นเลยที่จะต้องให้ช็อกโกแลตตามหน้าที่ อันที่จริง.. นี่มันยุคสมัยไหนกันแล้ว การไม่ต้องมี ‘กิริช็อกโก’ มันอาจจะดีกว่าเสียด้วยซ้ำ
วาเลนไทน์ควรจะเป็นวันที่เราได้แสดงออกถึงความในใจ ไม่ใช่วันที่จำใจทำอะไรบางอย่างไปเพื่อให้งานราบรื่น ทั้งนี้ คุณผู้ชายทั้งหลายโดยเฉพาะผู้ที่เป็นหัวหน้า ควรบอกสาวๆ ในองค์กรได้แล้วว่า ไม่จำเป็นต้องบังคับตัวเองเพื่อซื้อช็อกโกแลตให้คนอื่น
เราอยากให้ผู้คนสัมผัสประสบการณ์ที่น่ายินดี เวลาที่เราได้บอกความในใจกับใครสักคน ได้สัมผัสกับความเป็นวาเลนไทน์ที่แท้จริง มากกว่าแค่คำพูดอย่าง “ฉันรักคุณ” “ฉันชอบคุณ” “ขอบคุณนะ” เพราะความรู้สึกนั้นไม่ใช่เรื่องของสิ่งที่ต้องพูดตามมารยาท
ฉะนั้น เราจะสานต่อการมอบความรู้สึกดีๆ เหล่านี้ ในฐานที่มั่นอันสำคัญที่สุดในหัวใจของเรา”
มีกระแสตอบรับถึงโฆษณาดังกล่าวมากมาย มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย บางคนอาจจะงงว่าทำไมบริษัทที่ขายช็อกโกแลต ถึงออกมาบอกให้คนเลิกซื้อช็อกโลแลต ทั้งที่เทศกาลนี้น่าจะช่วยให้ยอดขายของ Godiva พุ่งสูง
ได้มีผู้เชี่ยวชาญด้านการโฆษณาออกมาวิเคราะห์ว่า แคมเปญนี้ทำให้ผู้บริโภคมีความรู้สึกว่า “เรามีสิทธิที่จะเลือก” ซึ่งนั่นอาจกระตุ้นให้คนมีความต้องการซื้อมากขึ้น
อีกทั้ง การยกเลิกวัฒนธรรมนี้ยังช่วยให้อะไรหลายๆ อย่างง่ายขึ้น เพราะการซื้อกิริช็อกโกไม่ใช่แค่สักแต่ซื้อให้ แต่ยังต้องเลือกของที่ดูไม่น่าเกลียด ราคาถูกไปก็ไม่ได้ แพงไปก็เปลืองเงิน ไหนจะต้องเลือกชิ้นที่จะไม่ถูกเข้าใจผิด (ถ้าช็อกโกแลตดูดีเกินไป อีกฝ่ายอาจจะคิดว่ามีใจให้ เรื่องใหญ่เหมือนกันนะคะ 😅)
ที่น่าสนใจคือ อาจเป็นเพราะ Godiva คือแบรนด์ช็อกโกแลตพรีเมียม ทำให้การยกเลิก ‘กิริช็อกโก’ ไม่กระทบกับยอดขายมากนัก เพราะคงมีน้อยคนที่จะซื้อช็อกโกแลตราคาแพงเป็นของขวัญตามมารยาทนั่นเอง
Tinder x Spotify รู้ใจคน ผ่านเสียงเพลง
การเข้าไปดูเพลย์ลิสของใครบางคน ก็เหมือนได้รู้จักกันมากขึ้นไปอีกขั้น
ทั้งสองแอปฯ มองเห็นจุดนี้ จึงได้ร่วมมือกันทำแคมเปญวาเลนไทน์ โดยการให้ผู้ใช้งานสามารถใส่เพลย์ลิสต์เพลงบนหน้าโปรไฟล์ของตัวเองได้ เป็น Tinder Anthem (เพลงประจำตัว)
เพราะการได้ส่องเพลงที่อีกฝ่ายฟังนั้น นอกจากจะได้รับรู้ถึงรสนิยมของกันและกัน ยังช่วยให้มีเรื่องคุยได้มากขึ้น ทำให้รู้จักกันและสร้างความสัมพันธ์ได้ง่ายยิ่งขึ้นนั่นเอง
แต่ประโยชน์ด้านการตลาดล่ะ ทั้งสองแอปฯ ได้อะไรจากจุดนี้? 🤔
ทาง Tinder มองว่าในปัจจุบัน แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่ใช้ฟังเพลงกำลังเป็นที่นิยม การร่วมมือกันในครั้งนี้ อาจดึงดูดผู้ใช้งาน Spotify ให้มาใช้งาน Tinder ควบคู่ไปด้วยได้
ในขณะที่ทาง Spotify เองก็มองว่า “เพลง” คือส่วนสำคัญในชีวิตของใครหลายคน โดยเฉพาะ “ชีวิตรัก” เช่น บางคนนำเพลงที่เป็นความทรงจำของวันแรกที่ได้เจอกับคนรัก มาเปิดในวันแต่งงาน
แต่สิ่งที่ผลักดันให้เกิดการร่วมมือระหว่างสองแอปฯ ขึ้นมา คือทาง Spotify พบว่ายอดแชร์ Playlist ที่เป็นเพลงรักในช่วงวาเลนไทน์สูงมากเป็นพิเศษ จึงทำให้มองเห็นศักยภาพและโอกาสที่จะสร้างประโยชน์จากวันแห่งความรัก นับว่าเป็นการตลาดที่น่าสนใจ และ Win-Win กันไปทั้งสองฝ่ายเลยทีเดียว
Tinder x Foodpanda
ที่ประเทศสิงคโปร์ เคยมีการร่วมมือระหว่างสองแอปฯ อย่าง Tinder และ Food Panda หลายคนอาจจะงงว่าแอปเดทกับแอปสั่งอาหารมันจะมาเกี่ยวข้องกันได้ยังไงใช่ไหมคะ
แต่ในปี 2022 ที่ผ่านมาทาง Tinder ได้จัดแคมเปญให้เจ้าเปาเปา (แพนด้าสีชมพู มาสคอตของ Food Panda) มาเป็นตัวเลือกให้กับผู้ใช้งานแอปฯ ที่ถ้าเจอเจ้าแพนด้าตัวนี้โผล่มาแล้วปัดขวาล่ะก็ จะได้รับโค้ดลดสำหรับสั่งอาหารไปเลยทันที
โดยทาง Food Panda กล่าวว่า ที่เลือกร่วมมือกับ Tinder เป็นเพราะนี่คือแอปฯ เดทที่ได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวาเลนไทน์ แล้วจะมีเหตุผลอะไรให้ไม่ร่วมงานกันได้ล่ะ จริงไหมคะ?
ที่สำคัญ บางคนก็ไม่ได้ต้องการคู่เดท แต่อาจต้องการเพื่อนที่ได้ไปกินของอร่อยด้วยกัน เพราะสำหรับบางคนนั้น “อาหาร” คือความรัก 💖
ขอบคุณข้อมูลจาก
- mgronline : http://bit.ly/3YDJh7l
- Japan Today : http://bit.ly/3YCPqk5
- Forbes : http://bit.ly/40Jnhd0
- marketingoops : http://bit.ly/3IfaA2H
- marketing interactive : http://bit.ly/3YATodL
- CBS News : https://bit.ly/3DZ6NDQ