เมื่อพูดถึงการออกแบบสินค้า เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันต่างๆ องค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ก็คือฟอนต์ที่สามารถสะท้อนภาพลักษณ์ของสินค้าและแบรนด์ได้เป็นอย่างดี การใช้ฟอนต์ที่เข้ากับสินค้า จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของสินค้าให้เด่นชัดขึ้น ในขณะเดียวกัน การใช้ฟอนต์ที่ไม่ตรงกับลักษณะของสินค้าก็อาจสร้างความสับสนให้ลูกค้าได้
ฟอนต์ที่เป็นที่นิยมมี 3 ประเภทหลักๆ แต่ละประเภทมีดีไซน์ต่างกัน และการนำไปใช้งานก็ต้องดูความเหมาะสมกับสินค้าแต่ละชนิด มาดูกันดีกว่าว่า “สินค้าของเราเหมาะกับฟอนต์ประเภทไหน?”

ฟอนต์ประเภทมีเชิง (Serif Font)
ฟอนต์รูปแบบดั้งเดิมที่มีขีดเล็กๆ อยู่ที่ปลายตัวอักษร ช่วยให้อ่านง่ายสบายตา ฟอนต์ประเภทนี้มีที่มาจากตัวอักษรโรมันโบราณ ให้ความรู้สึกหรูหราคลาสสิก
- เหมาะกับแบรนด์สินค้าเก่าแก่ มีประวัติมาอย่างยาวนาน หรือการออกแบบที่ต้องการความคลาสสิก ดูดีมีระดับ เป็นทางการ เป็นต้น
- Serif Font เหมาะกับข้อความในส่วนของเนื้อหาบทความ เนื่องจากอ่านง่ายกว่าฟอนต์ประเภท Sans Serif
- ฟอนต์ Serif ที่เป็นที่นิยม ได้แก่ Times New Roman, Courier New และ Angsana New เป็นต้น
*note : Serif อ่านว่า “เซริฟ”

ฟอนต์ประเภทไม่มีเชิง (Sans Serif Font)
ฟอนต์ประเภทไม่มีเชิงที่ปลายตัวอักษร เป็นฟอนต์ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ ให้ความรู้สึกทันสมัย ปัจจุบัน Sans Serif จึงได้รับความนิยมมากกว่า Serif
- เหมาะกับการออกแบบที่ต้องการความเรียบง่าย สะอาดตา หรือใช้กับสินค้าที่มีความทันสมัย เช่น สินค้าเทคโนโลยี เป็นต้น
- ฟอนต์ Sans Serif ที่เป็นที่นิยม เช่น Helvetica, Tahoma และ Arial เป็นต้น
*note : Sans Serif อ่านว่า “แซนส์เซริฟ”

ฟอนต์ตัวเขียน (Script Font)
ฟอนต์ที่ดูเหมือนลายมือ ดูมีชีวิตชีวาและไม่เป็นทางการ เหมาะกับการใช้ในข้อความสั้นๆ เช่น การตกแต่ง พาดหัว หรือใช้ในโลโก้ เพื่อสร้างความรู้สึกสนุกสนาน หรือสบายๆ เป็นกันเอง ไม่เหมาะนำมาใช้ในเนื้อความขนาดยาวเพราะจะทำให้ดูลายตา
- นิยมใช้กับแบรนด์สินค้าสำหรับเด็ก สินค้าเพื่อสุขภาพ หรือผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ เป็นต้น
- ฟอนต์ Script ที่พบได้บ่อย เช่น French Script MT, Brush Script Mt และ Lucinda Handwritting เป็นต้น
*note : Script อ่านว่า “สคริปต์”
การใช้ฟอนต์ในแบรนด์ระดับโลก

Ferrari
แบรนด์รถยนต์หรูผู้นำตลาดอุตสาหกรรมยานยนต์ มีอายุเก่าแก่กว่า 80 ปี โลโก้ของเฟอร์รารี่จึงใช้ฟอนต์ Serif ที่ดูหรูหรา เป็นทางการ สะท้อนความเก่าแก่ และประวัติที่มีมาอย่างยาวนาน

เสริชเอนจินที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดทั่วโลก โลโก้ของ Google ใช้ฟอนต์ Sans Serif และใช้สีสันสดใส เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์นำสมัย เป็นประตูสู่แหล่งข้อมูลใหม่ๆ กระตุ้นจินตนาการและเชื่อมโยงความรู้จากทั่วโลก

Walt Disney
ใช้ฟอนต์ลายมือแบบ Hand Writting ที่ดูไม่เป็นทางการ สะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ ที่มีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นจินตนาการของเด็กๆ พร้อมสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับทุกคนในครอบครัว

Yves Saint Laurent
แบรนด์แฟชั่นเก่าแก่จากประเทศฝรั่งเศส ใช้ฟอนต์ที่มีการออกแบบผสมผสานระหว่าง Serif และ Sans Serif เพื่อให้ดูเก่าแก่คงความคลาสสิก ในขณะเดียวกันก็นำสมัยเข้ากับภาพลักษณ์ผู้นำอุตสาหกรรมแฟชั่น นอกจากนี้ยังมักใช้สีเมทัลลิคในส่วนชื่อแบรนด์เพื่อเน้นความหรูหราอีกด้วย
จะเห็นได้ว่าการเลือกใช้ฟอนต์นั้นมีผลไม่น้อยเลยทีเดียว กับการสะท้อนภาพลักษณ์และกำหนดจุดยืนของแบรนด์ในตลาด อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องของสี Mood & Tone และการออกแบบด้านอื่นๆ ที่ต้องสอดคล้องกัน ซึ่งเป็นรายละเอียดที่ควรใส่ใจเพื่อให้โลโก้ ฟอนต์ และทุกอย่างที่เกี่ยวกับแบรนด์ สอดคล้องกันอย่างลงตัวและเป็นที่จดจำของผู้บริโภค
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล :
- www.canva.com, Build your brand: How to choose the right fonts
- www.ebaqdesign.com, Best Fonts For Logos: Serif, Sans & Script
- https://shin-ji.medium.com, ความลงตัวของ Font บนเว็บไซต์