Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

DIGITAL NOMAD วิถีการทำงานให้มีสุขแบบไร้ออฟฟิศ

เพราะโลกดิจิทัลพัฒนาขึ้นไปหลายระดับ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของไลฟ์สไตล์หนุ่มสาววัยทำงานกันมากมายหลากหลายกลุ่ม จนทำให้ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนๆ เราก็จะเห็นกลุ่มคนพกโน๊ตบุ๊คมานั่งทำงานด้วยเสมอ ซึ่งรูปแบบในการทำงานแบบนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “Digital Nomad” เป็นไลฟ์สไตล์การทำงานแบบไร้ออฟฟิศและเปลี่ยนที่ทำงานไปเรื่อยๆ ตามใจตัวเองนั่นเอง แล้วการทำงานแบบนี้มันต้องทำยังไง จัดการชีวิตตัวเองด้านไหนบ้าง มาทำความรู้จักกับเทรนด์นี้กันเลยค่ะ

1. เลือกสถานที่ทำงานได้อย่างอิสระ

ไม่ว่าจะที่บ้าน ร้านกาแฟ ริมทะเล บนภูเขา หรือ Co-working Space ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ก็ค่อนข้างมีอิสระในการหาสถานที่ทำงานสุดๆ เรียกได้ว่าอยากทำที่ไหนก็ได้หมดขอแค่มีเครื่องมือหลักๆ ในการทำงานก็พอ และเพื่อช่วยให้เราตัดสินใจในการหาสถานที่ทำงานได้ง่ายขึ้น ทางเว็บไซต์ Nomadlist  เลยเตรียมเกณฑ์ของสถานที่ต่างๆ ให้เราคิดทบทวนไว้ครบถ้วนแล้ว เช่น ความแรงอินเตอร์เน็ต ความปลอดภัย ค่าครองชีพ หรือแม้แต่สภาพอากาศก็ยังบอกไว้อีกด้วยนะ

2. มีสมดุลในการใช้ชีวิตและการทำงานอย่างลงตัว

เพราะไลฟ์สไตล์ของ Digital Nomad ค่อนข้างเน้นรูปแบบการทำงานที่ให้ความสมดุลกับชีวิตอย่างมีความสุข พูดง่ายๆ ก็คือ.. จะทำงานควบคู่กับการออกเดินทางใช้ชีวิตตามที่ใจอยากนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น เดือนนี้ทำงานฟังเสียงคลื่นทะเลที่พังงา เดือนหน้าเปลี่ยนไปทำงานที่ยอดดอยหลวงเชียวดาว  บอกเลยว่านี่คือความสมดุลชีวิตและการทำงานเข้าหากันได้อย่างมีความสุขที่สุดเลยล่ะ

3. การมีวินัยและใช้เงินให้เป็นคือข้อสำคัญ

สิ่งแรกที่ทุกคนต้องมีในการใช้ชีวิตแบบ Digital Nomad ก็คือ “วินัย”  เพราะต้องควบคุมตัวเองให้อยู่หมัดทั้งในการทำงานและการใช้ชีวิตอย่างสุดขีด ควรแบ่งเวลาให้ชัดเจนและไม่ว่อกแว่กเวลาทำงาน 

และอย่างต่อมาก็คือ “เงิน” เพราะนอกจากจะต้องใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้วยังมีส่วนของการท่องเที่ยวเพิ่มเข้ามาด้วย ดังนั้นเราจะต้องใช้เงินให้เป็นและเหมาะสมกับสไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ไม่อย่างนั้น.. เงินที่หามาได้อาจจะหมดไปกับการออกมาทำงานข้างนอกแน่นอนร้อยเปอร์เซ็น!

4. ถ้าเชื่อมโลกออนไลน์ได้ ทุกอาชีพก็ทำงานได้

การใช้ชีวิตแบบ Digital Nomad ค่อนข้างตอบโจทย์กับสาขาอาชีพอะไรก็ได้ ที่สามารถเชื่อมต่อและทำงานด้วยกันได้ผ่านอินเตอร์เน็ตบนโลกออนไลน์ ซึ่งอาชีพยอดฮิตในเทรนด์นี้ก็ยังมีทั้งนักแปล, นักเขียน, นักออกแบบ, ครูสอนออนไลน์, Influencer, Youtuber, Blogger, Programmer, Video Creator, Social Media Manager, Affiliate Marketer ฯลฯ

5. เพิ่มขีดความสามารถและพัฒนาความสร้างสรรค์

แค่ได้ลองออกไปทำงานข้างนอกบ่อยๆ ได้เปลี่ยนสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ใหม่ไปเรื่อยๆ อย่างอิสระเสรี เชื่อมั้ยว่า.. มันสามารถช่วยฝึกให้เรากล้าตัดสินใจและลองผิดลองถูกในสิ่งที่ตัวเองยังไม่เคยรู้ เผลอๆ ช่วยทำให้เราเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถหลายด้าน และพร้อมใช้ชีวิตยืดหยุ่นตามสถานการณ์อื่นๆ ได้ดีกว่าเดิม และที่สำคัญยังช่วยเพิ่มสกิลในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้เก่งขึ้นอีกด้วย

หลังจากอ่านครบทั้ง 5 ข้อแล้ว หัวใจมันเริ่มอยากเข้าแก๊ง Digital Nomad กันแล้วล่ะสิ แต่เชื่อเถอะว่า.. ไม่ว่าจะทำงานในรูปแบบไหนๆ การหาสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงานให้เหมาะกับตัวเองได้ ย่อมเป้นเรื่องราวดีๆ ที่จะเพิ่มความสุขและพลังบวกให้กับชีวิตเราแน่นอน หรือถ้าใครอยากลองเปลี่ยนตัวเองมามีไลฟ์สไตล์แบบนี้.. ก็ขอให้ Have Fun ทุกวันเลยนะคะ 


ที่มา : TCDC 

 

Leave a comment