Pinterest คืออะไร?
Pinterest คือการผสมผสานระหว่างความเป็น Search Engine และ Social Media เป็นแพลตฟอร์มที่มีจุดประสงค์เพื่อการค้นหา ดูไอเดีย และพินไว้เป็นหลัก (การพิน หมายถึงการบันทึก) แต่สิ่งที่ทำให้ Pinterest ต่างจาก Search Engine ทั่วไป คือเจ้าของบัญชีสามารถอัปโหลดรูปภาพของตัวเองเข้าไปใน Pinterest ได้ด้วย
จุดเด่นของ Pinterest
1. แพลตฟอร์มที่สื่อสารด้วยรูปภาพ
จึงทำให้ผู้ใช้งาน Pinterest มักเข้ามาหาไอเดียและแรงบันดาลใจเพื่อนำไปต่อยอด เช่น หา Refference ออกแบบกราฟิก, ไอเดียแต่งห้องนอน หรือแม้แต่ไอเดียการแต่งตัวไปเที่ยวทะเล
2. ผู้ใช้ Pinterest มีแนวโน้มทำตาม หรือซื้อตามสิ่งที่พินเอาไว้สูง
เมื่อเจอภาพหรือ Mood and Tone ที่ถูกใจก็มักจะพินเอาไว้เป็นไอเดียและนำไปต่อยอด จึงมีแนวโน้มสูงที่จะนำไปทำตาม
3. ผู้ใช้ Pinterest มีแนวโน้มเปิดใจมากกว่าแพลตฟอร์มอื่น
ในเมื่อผู้คนใช้ Pinterest เพื่อต้องการ ‘ค้นหา’ เท่ากับว่ากำลังเข้ามาด้วยความคิดที่เปิดกว้าง และกำลังเปิดใจต่อสิ่งใหม่ ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น
เวลาเราเข้า Social Media แล้วเห็นโพสต์หรือข่าวต่างๆ เราก็ไม่ได้รู้สึกอยากอ่านไปทุกหัวข้อใช่ไหมคะ ซ้ำร้ายดันเจอข้อความหรืออะไรที่อ่านแล้วบั่นทอนจิตใจ ทำเอาไม่อยากเข้า Social Media กันเลยทีเดียว
ต่างกับเวลาเราเข้า Pinterest ที่มักจะเข้าไปบบหัวโล่งๆ เปิดใจรับไอเดียใหม่ๆ ความกระหายในไอเดียและการไม่ปิดกั้นความคิดตัวเองของยูสเซอร์นี่แหล่ะค่ะ ที่กลายเป็นจุดแข็งสำคัญของ Pinterest
4. Pinterest คือแพลตฟอร์มที่ Positive
ผู้ใช้งานมักเข้าไปเจอภาพสวยๆ มากกว่าความ Toxic ที่เจอได้บ่อยใน
วิธีทำการตลาดใน Pinterest
ในเมื่อไม่ใช่ Social Media แล้วเราจะขายของใน Pinterest อย่างไรดีล่ะ?
1. ไม่ยัดเยียด
การตลาดในพินเทอเรสไม่ควรเป็นโฆษณาที่ยัดเยียดการขายหรือขายตรงใส่หน้าคนดู แต่ควรให้แรงบันดาลใจหรือสร้างไอเดียมากกว่า
2. ทำให้กลุ่มเป้าหมายเห็นภาพตัวเองกำลังใช้สินค้า
สินค้าสายไลฟ์สไตล์จะเหมาะกับแพลตฟอร์มนี้มากที่สุด เพราะรูปภาพสามารถทำให้ ‘กลุ่มเป้าหมาย’ เห็นภาพตัวเองใช้งานของสิ่งนั้นได้ง่าย เช่น แบรนด์รองเท้า(สายแฟชั่น) เต็นท์แคมป์ปิ้ง(สายท่องเที่ยว) หม้อทอดไร้น้ำมัน(สายอาหาร) โชว์ภาพคนกำลังใช้สินค้าชนิดนั้นอยู่ เป็นต้น
3. หา Keyword เพื่อทำ SEO
เพราะ Pinterest คือ Search Engine หากเราเลือกใช้ Keyword ได้เหมาะสม จะช่วยดันให้ภาพและบัญชีของเราให้เป็นสิ่งแรกๆ ที่ผู้ใช้งานมองเห็นก่อนภาพอื่นๆ นอกจากนี้ ยังส่งผลดีนอกแพลตฟอร์มได้อีก เช่น รูปภาพของเราถูกค้นหาเจอผ่าน Google ทำให้ลูกค้าเจอเราได้ง่ายยิ่งขึ้น
4. รูปและวิดีโอต้องสวยงาม คมชัด
รูปภาพที่คุณภาพดีจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจและดึงดูดสายตาได้ดีกว่า
5. เชื่อมโยงเข้ากับเว็บไซต์ของแบรนด์
เพิ่ม Traffic และ Conversion ให้เว็บไซต์ของแบรนด์ โดยการเพิ่มลิงก์ที่คำอธิบายรูปภาพ (Caption)
6. ใส่ Deep link
คือลิงก์แบบพิเศษที่จะส่งลูกค้าของเราไปยังแอปฯ หรือแพลตฟอร์มอื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ เช่น E-Marketplace หากลูกค้าของเรามีแอปฯ นั้นอยู่แล้ว จะยิ่งทำให้กดใส่ตะกร้าได้รวดเร็วทันใจโดยไม่ต้องไปเสิร์ชหาสินค้าเอง
7. โฆษณาพิน
คือการจ่ายเงินให้ Pinterest เพื่อดันพินของเราไว้ภาพแรกๆ หรือก็คือการยิงแอดนั่นเองค่ะ
นี่คือส่วนหนึ่งของวิธีทำการตลาดใน Pinterest เท่านั้น ซึ่งเมื่อพิจารณาจากอัตราผู้ใช้งานที่พุ่งขึ้นทุกวัน รวมถึงการที่ Pinterest เองก็ก้าวเข้ามาทำการตลาดอย่างจริงจังในเอเชีย เท่ากับเป็นการเปิดทางให้หลายแบรนด์ ก้าวเข้ามาทำการตลาดอย่างเต็มตัว แล้วเจ้าของแบรนด์ทั้งหลาย สนใจจะนำสินค้าของตัวเองลงสนามนี้ดูบ้างหรือยังคะ 😉
