ในยุคที่การซื้อขายออนไลน์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ประกอบการต่างปรับกลยุทธ์ พัฒนารูปแบบการขาย สินค้า และบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้า ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด และเดี๋ยวนี้ก็มีเทรนด์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันทุกธุรกิจออนไลน์ จะใช้ “Content –> Commerce –> Payment –> Delivery”
โดยแต่ละแพลตฟอร์มพยายามเก็บ traffic ของตัวเอง
วันนี้เราจะมาพูดถึง 3 ช่องทางการขายออนไลน์ในปี 2024 รวมถึงข้อดี-ข้อเสีย !
1. การขายผ่านช่องทางแชท 💬
เป็นวิธีขายโดยอาศัยการพูดคุยระหว่างผู้ซื้อ ( ลูกค้า ) กับผู้ขาย ( ธุรกิจ ) รูปแบบการแชทส่วนมากจะเป็นลูกค้าที่ทักเข้ามาสอบถามรายละเอียด ข้อเสนอต่างๆผ่านช่องทางที่ธุรกิจกำหนดไว้ เช่น
Facebook Messenger, LineOA, Instagram DM เป็นต้น
ข้อดี
● ช่วยตอบข้อสงสัยต่างๆ ให้กับลูกค้าได้ชัดเจน เพิ่มโอกาสในการรับรู้และตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
● ผู้ขายสามารถโน้มน้าวให้โปรโมชั่นจูงใจเพื่อปิดการขายได้เร็วขึ้น และได้ยอดขายตามมา
● มีโอกาสที่จะได้ลูกค้าที่ภักดีกับแบรนด์หากพูดคุยถูกคอ
● ได้ศึกษากลุ่มลูกค้าโดยตรง นำไปปรับแนวทางการโฆษณาการขายให้เหมาะสมกว่าเดิม
ข้อเสีย
● ลูกค้าอาจขอส่วนลดที่มากเกินไปจนผู้ขายไม่คุ้มค่า
● ในกรณีที่ตอบแชทช้า อาจทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่พึงพอใจได้ โดยเฉพาะการพูดคุยกันครั้งแรก
● ไม่สามารคัดกรองลูกค้าได้ ทำให้อาจจะเสียเวลาตอบข้อสงสัยเยอะกับลูกค้าที่ไม่ได้ตั้งใจจะสั่งซื้อจริงๆ
● ต้องคอยระวังเรื่องของอารมณ์เมื่อมีการโต้ตอบกัน หากไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อาจทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์เสียหายได้
2. การขายผ่านแพลตฟอร์ม Marketplace 🛒
ในยุคปัจจุบัน การทำธุรกิจออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม Marketplace กลายเป็นช่องทางการขายที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการ SME เนื่องจากความสะดวกและการเข้าถึงฐานลูกค้าที่กว้างขวาง
ซึ่ง Marketplace ยอดนิยม 4 แห่ง ได้แก่ Shopee, Lazada, TikTok Shop และ Line Shopping
ข้อดี
● เป็นตลาดกลางที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้ขาย แม้ว่าร้านของคุณจะมีขนาดเล็ก-ใหญ่ ก็สามารถขายของที่นี่ได้
● เปิดร้านง่าย เพราะไม่ต้องลงมือสร้างร้านค้าออนไลน์ ไม่ต้องมีความรู้แบบเชิงลึก เพราะเป็นรูปแบบสำเร็จรูปที่ทาง Marketplace จัดการไว้ให้ครบหมดตามที่ร้านค้าควรจะมี
● ร้านค้าไม่ต้องหาลูกค้าเอง เพราะ Marketplace จะคอยประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักและสร้างความนิยมให้กับ “ตลาดออนไลน์” ของตนเอง
● ลูกค้าสามารถเลือกสินค้าประเภทเดียวกันได้ โดยเปรียบเทียบราคา คุณภาพ ของหลายๆร้าน
● เปิดโอกาสให้ลูกค้าในการแจ้งผลตอบรับเรื่องสินค้าและบริการ คือการรีวิวจากลูกค้าตัวจริง
ข้อเสีย
● หาก Marketplace วางระบบการรับโอนเงินให้แก่ร้านค้าไม่ดี จะเปิดโอกาสให้มีการฉ้อโกงกันได้ เช่น จ่ายเงินแล้วไม่ได้รับของ เป็นต้น
● เนื่องจาก Marketplace เป็นตลาดรวม จึงมีคู่แข่งทางการค้าที่ขายสินค้าประเภทเดียวกัน ผู้ขายจึงต้องมีกลยุทธ์ในการทำให้ร้านค้าปรากฎให้ลูกค้าเห็นก่อนร้านค้าอื่นในลักษณะเดียวกัน ซึ่งอาจต้องมีค่าใช้จ่ายเพื่อซื้อตำแหน่งร้าน
● การโน้มน้าวใจลูกค้าทำได้น้อย โอกาสเปลี่ยนใจของลูกค้ามีอยู่ตลอดหากเกิดการเปรียบเทียบ
แม้ Marketplace จะมีลูกค้าเข้ามาก แต่ผู้ขายก็ต้องเลือก Marketplace ที่เหมาะกับร้านของตนให้ตรงกับรสนิยมคนเข้า Marketplace แห่งนั้นด้วย
3. การขายผ่าน Website - Sale Page 📧
เป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้การขายของออนไลน์ง่ายขึ้นกว่าเดิม หลักการของหน้านี้จะใช้วิธีสร้างเนื้อหาต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาอ่าน จากนั้นจะมีปุ่มคลิกสำหรับนำไปสู่ขั้นตอนการซื้อ ชำระเงิน ปิดจบการขาย เมื่อธุรกิจได้รับออเดอร์จึงทำตามขั้นตอนต่อไป
ข้อดี
● มีความสะดวกต่อการขาย ไม่ต้องคอยตอบคำถามตลอด
● สามารถขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องมีคนเข้ามาดูแลทุกเวลา
● ลดความล่าช้าในการจัดการออเดอร์และความผิดพลาดของออเดอร์
● สามารถนำเสนอสินค้าโดยวิธีที่แปลกใหม่ ใช้กลยุทธ์และเครื่องมือทางการตลาดได้มากมาย
● ลดค่าใช้จ่ายระยะยาวเมื่อใช้คู่กับระบบหรือบริการอื่นๆได้ ทำให้ธุรกิจมีระบบที่อัตโนมัติ
ข้อเสีย
● ต้องใช้ความชำนาญ สร้างสรรค์เนื้อหาให้กระชับ น่าสนใจ ดึงดูดมากๆ
● อาจเกิดความสับสน ถ้าออกแบบหน้าเว็บไซต์มาไม่ดี เช่น การโชว์ข้อมูลที่เยอะจนเกินไป ทำให้ลูกค้าไม่เข้าใจในตัวสินค้าและบริการ อาจทำให้ตัดสินใจไม่ซื้อได้
● อาจเกิดปัญหายอดขายของแบรนด์ หากไม่ศึกษาข้อมูล Customer Journey ของลูกค้า และ Interest ก่อนเริ่มจัดทำ
จะเห็นได้ว่า เทรนด์เว็บขายของออนไลน์ในปี 2024 เน้นการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีและมีความเฉพาะตัวมากขึ้น
การใช้ AI และ Machine Learning, การเติบโตของ Social Commerce, การชำระเงินและการจัดส่งที่ยืดหยุ่น ล้วนเป็นปัจจัยที่สำคัญในการสร้างความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์